การป้องกันภัยเป็นสิ่งที่คนไทยไม่ค่อยตระหนักถึง อาจเป็นเพราะด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ของประเทศไทยเราที่ไม่ค่อยเกิดภาวะภัยพิบัติอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังมีพบเจอบ้างเช่นแผ่นดินไหวทางภาคเหนือ การเกิดสึนามิทางภาคใต้ น้ำท่วมในช่วงภาคกลาง รวมถึงขาดแคลนน้ำในภาคอีสาน
ส่วนเหตุการณ์ภัยพิบัติอื่นๆประเทศไทยยังไม่ค่อยได้พบเจอมากนัก มีเป็นบางส่วนเช่นสภาวะความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นต้น ทำให้คนไทยโดยส่วนมากขาดความรู้สึกถึงความปลอดภัย ไม่เข้าใจว่าความปลอดภัยคืออะไร โดนเฉพาะการขาดความนึกถึงสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของบุคคล
โดยส่วนมากถ้าเกิดเหตุความเสี่ยงต่อความปลอดภัยคนไทยจะเห็นก็คือคิดถึงทรัพย์สินก่อนตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น กรณีไฟไหม้คนจะนึกถึงทรัพย์สินที่ตัวเองจับต้องได้ก่อน ดังที่เห็นตามเหตุการณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นการขนข้าวของ ยกโอ่ง ยกคอมพิวเตอร์และตู้เสื้อผ้า ซึ่งแม้แต่คนที่มีปัญหาทางสุขภาพ เรี่ยวแรงน้อยหรือ บางคนเดินไม่ได้ ก็กลับวิ่งได้ และนำพลังที่มีอยู่มาปกป้องทรัพย์สินของตัวเองได้ แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นมักจะให้ความสำคัญกับประชากรประชาชนหรือตัวบุคคลมากกว่าสิ่งของเพราะถือว่าชีวิตเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด
เมื่อมองบุคคลเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดย่อมต้องมีการปกป้องดูแลและป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินนั้นเสียหาย กระบวนการดูแลป้องกันดูแลจึงแบ่งเป็น 2 รูปแบบ
รูปแบบที่ 1 : การดูแลปกป้องตัวเอง
จะเริ่มจาก การให้ความสำคัญในการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อพร้อมรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันต่างๆ ในต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก มีการจัดเรียนศิลปะป้องกันตัวเพื่อให้ป้องกันตัวเองจากภัยพิบัติได้ การเป็นสมาชิกของโรงพยาบาลเผื่อได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากโรงพยาบาลนี่คือตัวอย่างส่วนหนึ่งของการปกป้องตนเอง
รูปแบบที่ 2 : การให้คนอื่นมาช่วยปกป้อง
ในกรณีที่บุคคลหนึ่งๆเริ่มปกป้องตนเองไม่ได้ เนื่องจากเพราะเวลาการทำงาน หรือสภาพการใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากปกติ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูง องค์กรต่างๆที่มีพนักงานเป็นจำนวนมากและทุกคนแบ่งหน้าที่ของงานที่ต้องทำ จะต้องมีบุคคลที่เข้ามาช่วยดูแลในชีวิตและทรัพย์สิน ยกตัวอย่างที่มองเห็นภาพง่ายคือ
- การมีเลขนุการที่เข้ามาจัดตารางเวลาการทำงานนัดพบเจอ และช่วยประสานงานต่างๆให้กับตัวบุคคลนั้นๆ
- บอดี้การ์ดที่สามารถทำหน้าที่ได้ทั้งติดตามเป็นเลขานุการหรือเป็นคนขับรถให้ มีหน้าที่คอยช่วยเหลือต่างๆที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่บุคคลนั้น
- การทำประกันที่โอนย้ายความเสี่ยงในเรื่องต่างๆที่มีผลกระทบในเรื่องการทำงานและการเงิน
- การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในการช่วยเสริมสร้างการป้องกันภัยต่างๆ
จะเห็นได้ว่าการดูแลป้องกันภัยต่างๆจะต้องเริ่มต้นจากตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรก โดยฝึกฝนให้ตัวเองเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาและหากมีเกิดข้อจำกัดต่างๆจากการทำงาน วิถีชีวิตที่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาช่วยปกป้อง ก็สามารถพิจารณาให้ผู้อื่นเข้ามาช่วยเหลือได้ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการทำงานและการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
#จ้างบอดี้การ์ด #หาบอดี้การ์ด #หารปภ